Key Takeaways

• • ขนาด BTU ไม่เหมาะสมกับขนาดห้อง, คอมเพรสเซอร์แอร์ชำรุดทำให้น้ำยาแอร์รั่ว, เลือกโหมดการทำงานไม่เหมาะสม และ มีจำนวนคนในห้องเยอะเกินไป คือ สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้แอร์ไม่เย็น
• • ตั้งอุณหภูมิให้พอเหมาะ, เลือกโหมดการทำงานให้ถูก, ไม่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผลิตความร้อน, ไม่นำสิ่งที่มีความชื้นเข้ามาในห้อง, ปิดช่องลมให้สนิท, ล้างแอร์เป็นประจำ และ ใช้พัดลมช่วยกระจายความเย็น คือ วิธีเปิดแอร์ให้เย็นที่ช่วยประหยัดค่าไฟได้

หลายบ้านคงอยากรู้ว่าการเปิดแอร์ให้เย็นต้องทำยังไง? เพราะเมื่อใช้แอร์ไปนาน ๆ แอร์ก็เริ่มมีปัญหาเปิดแล้วไม่เย็น หรือเปิดมาสักพักก็ยังเย็นไม่ทั่วห้องสักที หรือถ้าบอกให้ลดอุณหภูมิแอร์ต่ำ ๆ ก็ต้องมานั่งกังวลเรื่องค่าไฟตอนสิ้นเดือนอีก วันนี้ IRIS เลยจะมาบอกวิธีเปิดแอร์ให้เย็นสะใจ ที่สามารถช่วยประหยัดค่าไฟได้เป็นกอง พร้อมบอกถึงสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้แอร์ไม่เย็น เพื่อช่วยให้เพื่อน ๆ สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด

4 สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้แอร์ไม่เย็น

ภาพ: แอร์ไม่เย็น

1. ขนาด BTU ไม่เหมาะสมกับขนาดห้อง

บางคนที่ไม่ได้ศึกษาหรือหาข้อมูลเรื่องแอร์ก่อนไปซื้อมาติดตั้ง ก็อาจจะเผลอเลือกขนาด BTU แอร์ที่น้อยเกินไป เพราะคิดว่าแอร์ BTU น้อย ๆ น่าจะช่วยเรื่องประหยัดไฟได้ดี บวกกับไม่รู้เรื่องความสำคัญของ BTU มากพอ ซึ่ง BTU คือปัจจัยที่ทำให้แอร์สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและไม่กินไฟ ดังนั้นหากต้องการเปิดแอร์ให้เย็นจะต้องเลือก BTU แอร์ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง

2. น้ำยาแอร์รั่ว

ไม่ว่าจะเปิดอุณหภูมิแอร์ต่ำแค่ไหน ลมที่ออกมาจากแอร์ก็ไม่ค่อยเย็นสักที แถมเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็เพิ่งจะเรียกช่างเข้ามาล้างแอร์ไปเอง ซึ่งปัญหาแอร์ไม่เย็นแบบนี้อาจมีสาเหตุมาจากน้ำยาแอร์รั่ว ซึ่งจะต้องทำการตรวจหาตำแหน่งที่รั่ว เพื่อทำการซ่อมหรืออุด พร้อมเติมน้ำยาแอร์เพิ่มเข้าไป ซึ่งจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญจากช่างแอร์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญในการซ่อม

ภาพ: รีโมทแอร์

3. เลือกโหมดการทำงานผิด

บางคนอาจไม่เคยสำรวจรีโมทแอร์เลยสักครั้ง เคยแต่กดเปิด-ปิดแอร์กับปรับอุณหภูมิอย่างเดียว แถมไม่เคยกางคู่มือแอร์มาอ่านแบบจริงจัง เลยอาจไม่รู้ว่ารีโมทแอร์สามารถตั้งค่าได้หลากหลายมาก ๆ มีโหมดการทำงานให้เลือกเยอะ ไม่ว่าจะเป็น Auto Mode, Cool Mode, Dry Mode หรือ Fan Mode โดยแต่ละโหมดจะทำงานแตกต่างกัน ดังนี้

• • Auto Mode คือ โหมดปรับความเย็นแบบอัตโนมัติ โดยแอร์จะใช้เซนเซอร์ในการตรวจจับและปรับเปลี่ยนอุณหภูมิของแอร์ ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของห้อง ณ ตอนนั้น
• • Cool Mode คือ โหมดความเย็น ซึ่งเป็นโหมดปกติที่ทุกคนใช้กันทั่วไป ที่ช่วยเปิดแอร์ให้เย็น โดยแอร์จะค่อย ๆ ลดอุณหภูมิภายในห้องให้เท่ากับอุณหภูมิที่ตั้งค่าเอาไว้
• • Dry Mode คือ โหมดลดความชื้น โดยแอร์จะลดอุณหภูมิห้อง ณ ปัจจุบันลง 2 องศาเซลเซียส และทำการล็อคเอาไว้ จากนั้นจะปรับความแรงพัดลมเป็นแบบอัตโนมัติแทน ซึ่งเป็นโหมดที่เราไม่สามารถตั้งค่าอุณหภูมิเองได้
• • Fan Mode คือ โหมดพัดลม โดยแอร์จะหมุนเวียนลมจากภายนอกเข้ามาในห้อง ซึ่งจะเป็นเพียงลมธรรมดาที่ไม่มีความเย็น ซึ่งถ้าบ้านไหนเผลอกดเปลี่ยนจาก Cool Mode ไปเป็น Fan Mode ก็จะทำให้เปิดแอร์แล้วไม่เย็น

4. จำนวนคนในห้อง

บางคนอาจงงกับแอร์ที่บ้านของตัวเอง ที่บางวันเปิดแล้วเย็นฉ่ำแต่บางวันกลับเปิดแล้วไม่เย็นเหมือนเคย ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้อาจเป็นเพราะจำนวนคนในห้องที่เปลี่ยนไป ด้วยร่างกายคนที่มีอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิห้อง ก็จะทำให้ห้องที่มีคนเยอะ ๆ ร้อนและมีอุณหภูมิสูงกว่าห้องที่มีคนน้อย ๆ

หลังจากที่ทุกคนรู้สาเหตุของแอร์ไม่เย็นกันไปแล้ว ตามมาดูวิธีเปิดแอร์ให้เย็นแบบสะใจ แถมยังช่วยประหยัดค่าไฟได้อีกเยอะ

วิธีเปิดแอร์ให้เย็นสะใจ พร้อมช่วยประหยัดค่าไฟไปเป็นกอง

ภาพ: เทคนิคเปิดแอร์ให้เย็น

1. ตั้งอุณหภูมิให้พอเหมาะ อยู่ที่ 25 – 26 องศาเซลเซียส

การตั้งค่าอุณหภูมิให้พอเหมาะก็เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อย เนื่องจากหากเลือกเปิดแอร์อยู่ที่ 27 – 28 องศาเซลเซียส ในเวลานอนก็จะทำให้คนในห้องนั้นรู้สึกร้อนและไม่สบายตัว ซึ่งอุณหภูมิที่ให้ความเย็นแบบพอดีจะอยู่ที่ 25 – 26 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป และนอกจากจะเป็นเทคนิคเปิดแอร์ให้เย็นได้แล้ว ก็ยังสามารถช่วยประหยัดไฟได้อีกด้วย

2. เลือกโหมดการทำงานให้ถูกต้อง

ตามที่เกริ่นไปข้างต้นว่าโหมดการทำงานของแอร์นั้นมีความสำคัญและเป็นตัวแปรในการเปิดแอร์ให้เย็น ซึ่งหากบ้านไหนมีคนเยอะแล้วเดินเข้าออกห้องบ่อย ๆ อย่างห้องนั่งเล่น ก็ควรเลือกใช้เป็น Auto Mode แต่หากเป็นแอร์ในห้องนอนที่คนไม่เยอะและไม่มีการเข้าออก ก็ควรเลือกใช้เป็น Cool Mode แทน

ภาพ: การรีดผ้า

3. ไม่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผลิตความร้อน

ไม่ว่าจะเป็นการหุงข้าวหรือรีดผ้าภายในห้อง ก็ล้วนทำให้ภายในห้องมีความร้อนสะสมอยู่ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แอร์ในห้องไม่เย็นเท่าที่ควร แถมยังทำให้แอร์ทำงานหนักมากขึ้น พอถึงปลายเดือนก็ต้องมาหนักใจเรื่องค่าไฟอีก ดังนั้นทางที่ดีควรเลี่ยงการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผลิตความร้อนในห้องที่เปิดแอร์จะดีที่สุด

4. ไม่นำสิ่งที่ก่อความชื้นเข้ามาในห้อง

เนื่องจากแอร์จะต้องทำการลดความชื้นภายในห้องลงเพื่อช่วยให้ห้องเย็นมากขึ้น ดังนั้นหากในห้องเต็มไปด้วยของที่มีความชื้น อย่างการปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่หรือการนำผ้าชื้น ๆ มาตากในห้อง ก็จะทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น ซึ่งนอกจากจะเปลืองไฟแล้ว ยังทำให้แอร์ไม่ค่อยเย็นอีกด้วย

ภาพ: การปิดหน้าต่าง

5. ปิดช่องลมให้สนิท อย่างประตูหรือหน้าต่าง

ถือเป็นหนึ่งในเทคนิคเปิดแอร์ให้เย็นที่เบสิกสุด ๆ เพราะหากเราเปิดประตูหรือหน้าต่างทิ้งไว้ จะทำให้ความเย็นที่ได้จากแอร์ไหลออกไปข้างนอกเรื่อย ๆ จนทำให้ภายในห้องไม่เย็นเท่าที่ควร ดังนั้นจึงควรปิดประตูและหน้าต่างให้สนิท หรืออาจจะเสริมด้วยแถบเทปโฟมบริเวณขอบประตูและหน้าต่างเพื่อกันแอร์ออกจากช่องว่างเหล่านั้น

6. หมั่นล้างแอร์เป็นประจำ

บ้านไหนใช้แอร์แบบยาว ๆ โดยไม่เคยเรียกช่างเข้ามาล้างแอร์อย่างจริงจัง อาจจะเจอปัญหาแอร์ไม่เย็นได้ เนื่องจากภายในแอร์จะเต็มไปด้วยฝุ่นและสิ่งสกปรกที่มากับอากาศ ซึ่งสิ่งสกปรกเหล่านั้นจะเป็นกำแพงชั้นดีที่ทำให้ความเย็นไม่สามารถไหลผ่านออกมาได้ ดังนั้นจึงควรล้างแอร์เป็นประจำปีละ 2 ครั้ง พร้อมล้างแผ่นกรองฝุ่นด้านหน้าอย่างน้อยเดือนละครั้ง จะได้เปิดแอร์ให้เย็นแบบสะใจสุด ๆ

7. ใช้พัดลมหมุนเวียนอากาศช่วยกระจายความเย็น

ภาพ: พัดลมหมุนเวียนอากาศ รุ่น PCF-MKM18

หลายคนอาจคิดว่าพัดลมทรงกลม ๆ ตัวจิ๋ว ๆ ที่ส่ายหัวไปมา คือ พัดลมธรรมดา ๆ ทั่วไป แต่ที่จริงแล้วมันคือ ‘พัดลมหมุนเวียนอากาศ’ ซึ่งมีคุณสมบัติหลายอย่าง และหนึ่งในนั้นคือสามารถช่วยกระจายลมเย็นจากแอร์ได้ ทำให้ภายในห้องมีความเย็นที่ทั่วถึงมากขึ้น ตอบโจทย์การเปิดแอร์ให้เย็นได้แบบสุด ๆ โดยเฉพาะในห้องขนาดใหญ่ที่พัดลมแอร์อาจจะกระจายความเย็นได้ไม่ทั่วถึงนัก ซึ่งแรงลมจากพัดลมหมุนเวียนอากาศจะเข้ามาช่วยเป่าความเย็นให้กระจายไปตามมุมต่าง ๆ ของห้อง โดยเฉพาะในจุดที่แอร์ไปไม่ถึงได้

ความแตกต่างระหว่าง พัดลมหมุนเวียนอากาศ VS พัดลมธรรมดา

พัดลมหมุนเวียนอากาศ รุ่น PCF-MKM18 จาก IRIS Ohyama Thailand

ภาพ: พัดลมหมุนเวียนอากาศ รุ่น PCF-MKM18

“ กระจายความเย็นแอร์ได้อย่างทั่วถึง ”

ตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเปิดแอร์ให้เย็นยิ่งขึ้น แก้ปัญหาแอร์เย็นไม่ทั่วถึงได้อยู่หมัด มาพร้อมความแรงลมถึง 3 ระดับ เลือกได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน สามารถปรับขึ้นลง 110 องศาได้แบบ Manual และหมุนซ้าย-ขวา 65 องศา ได้แบบอัตโนมัติ พิเศษด้วยหน้าปัดตะแกรงเกลียว ที่ทำให้ได้แรงลมอันทรงพลังและพุ่งได้ไกลกว่าพัดลมทั่วไป

ภาพ: พัดลมหมุนเวียนอากาศ รุ่น PCF-MKM18

ฟังก์ชันและจุดเด่นของพัดลมหมุนเวียนอากาศ รุ่น PCF-MKM18

• • มาพร้อมขนาดใบพัด 18 เซนติเมตร และปล่อยลมได้ไกลถึง 25 เมตร
• • เลือกความแรงได้ 3 ระดับ ปรับขึ้น-ลงได้ 110 องศา และหมุนซ้าย-ขวาได้ 65 องศา
• • เพิ่มการหมุนเวียนอากาศภายในห้อง ช่วยให้ห้องไม่อับชื้น
• • ขนาดกะทัดรัด ดีไซน์มินิมอล น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย
• • ทำงานเงียบ ไม่มีเสียงรบกวน เหมาะกับการใช้ในห้องนอนหรือห้องทำงาน

สามารถหาซื้อพัดลมหมุนเวียนอากาศ รุ่น PCF-MKM18 จาก IRIS Ohyama Thailand ได้ที่

• 
  

  

  
   

• 
  

  

  
   

• 
  

  

  
   

• 
  

  

  
   

หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

IRIS Ohyama Thailand

ทั้งหมดนี้ คือ เทคนิคการเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำแบบสะใจ ที่จะช่วยประหยัดค่าไฟได้มากยิ่งขึ้น พร้อมแนะนำไอเทมเจ๋ง ๆ อย่างพัดลมหมุนเวียนอากาศ ตัวช่วยกระจายความเย็นแอร์ได้อย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นไอเทมที่ตอบโจทย์และเหมาะกับบ้านในเมืองไทยแบบสุด ๆ  หากใครชอบคอนเทนต์ดี ๆ แบบนี้ สามารถติดตาม IRIS Ohyama Thailand ได้ที่ Facebook: IRIS Ohyama Thailand จะได้ไม่พลาดบทความที่มากับพร้อมความรู้ดี ๆ แบบนี้อีก

ช้อปพัดลมหมุนเวียนอากาศ รุ่น PCF-MKM18